และในวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง The Age of Adaline อดาไลน์ หยุดชรา ค้นหาชีวิต เป็นเรื่องราวของ อดาไลน์ โบว์แมน ที่เกิดมาด้วยทุกสิ่งอันเป็นปกติของมนุษย์ทั่วไป ก่อนที่อุบัติเหตุในวันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิงในค่ำคืนที่หิมะโปรยปราย

ร่างกายที่จมน้ำในลำธารเย็นยะเยือกถูกกระตุ้นด้วยสายฟ้าที่ผ่าลงที่รถ อดาไลน์ โบว์แมนฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งเธอไม่เคยแก่ลงเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเท่าใด ช่องทางการรับชม ดูหนังออนไลน์4k

เธอไม่เคยแก่ลงเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน

รีวิวหนัง The Age of Adaline

รีวิวหนัง The Age of Adaline เรื่องย่อ

The Age of Adaline เรื่องย่อ หลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในปี 1937 แม่ม่ายสาวสวย Adaline (Blake Lively หรือคุณหนู Serena van der Woodsen จากซีรีส์ดัง Gossip Girl) ก็ถูกธรรมชาติหยุดความโรยราไว้ที่อายุ 29 ปีโดยที่เธอก็ไม่เข้าใจในความพิศวงนั้น

เมื่อคนรอบข้างเริ่มสงสัยและเธอก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ เธอจึงหลบหนีและเปลี่ยนแปลง identity ของตัวเองไปเรื่อยๆ ทุกๆ 10 ปี เธอพยายามไม่เอาตัวเองไปผูกมัดกับใคร

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหาย หรือในแง่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว เธอก็พยายามไม่จริงจังกับชายใด คนเดียวที่ล่วงรู้ความลับของเธอก็มีแต่ Flemming ลูกสาวคนเดียวของเธอ (Ellen Burstyn นักแสดงมือรางวัล และผู้แสดงเป็น Murph ตอนแก่ใน Interstellar)

รีวิวหนัง The Age of Adaline

ในวันปีใหม่ปี 2015 และวันครบรอบอายุครบ 107 ปีของ Adaline ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้น ใช้ชื่อปลอมว่า Jenny (Adaline เกิดปี 1908)

เธอได้พบกับ Ellis Jones ชายหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยและใจบุญ (Michiel Huisman จาก World War Z และ Game of Thrones) ทั้งสองเข้ากันได้ดีและตกหลุมรักกัน ถึงแม้ Jenny หรือ Adaline จะพยายามอย่างมากแล้วก็ตามที่จะไม่ใกล้ชิดกับเขา

Ellis ชวน Jenny (หรือ Adaline) ไปงานครบรอบการแต่งงาน 40 ปีของพ่อแม่เขาที่บ้าน ที่นั่นเอง Jenny (หรือ Adaline) ได้พบว่า William (Harrison Ford จาก Star Wars และ Indiana Jones) พ่อแท้ๆ ของคนรักคนปัจจุบันของเธอ คือคนรักเก่าฝังใจของเธอตั้งแต่ครั้งครึ่งศตวรรษก่อน!

ช่างมิใช่ชีวิตที่น่าอิจฉาเลยแม้แต่น้อย

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น หนังแนวโรแมนติก ดราม่า ที่ดำเนินเรื่องอย่างราบเรียบ ทว่ากลับมีการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงผ่านตัวละครหลัก อดาไลน์ โบว์แมน

หญิงสาวที่ประสบอุบัติเหตุตอนอายุ 29 ผลจากการประสบอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เธอมีร่างกายที่ไม่มีวันแก่ แต่สามารถบาดเจ็บได้ ซึ่งจุดที่น่าชมเชยของภาพยนตร์เรื่องนี้คือพยายามแทรกเหตุผลว่า “ทำไม?” อดาไลน์ถึงได้มีชีวิตที่ยืนยาว ไม่มีวันแก่อยู่ด้วย

รีวิวหนัง The Age of Adaline

อีกสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ดูไม่แบนคือความสามารถในการแสดงของตัวละคร ทุกตัวละครสามารถแสดงได้ดีเข้าถึงบทบาท เพียงแต่ด้วยระยะเวลาที่สั้น

และการดำเนินเรื่องที่ราบเรียบทำให้ตัวภาพยนตร์ขาดจุดพีค ขาดจังหวะ ทำให้ความโศกเศร้า ความซึ้งต่างๆ ถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีอย่างที่มันควรจะเป็น เช่น

ช่วงที่อดาไลน์ตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่กับเอลลิส อดาไลน์จะต้องตัดสินใจเยอะมากๆ เพราะร่างกายของตัวเองนั้นผิดปกติ ทว่าในตัวบท ฉากตรงนี้กลับเล่าออกมาได้ไม่เห็นภาพเท่าที่ควร

นอกจากเรื่องความรักแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ยังให้แง่คิดดีๆ ที่หลายคนยังคิดไม่ถึงอยู่ด้วยนั่นคือถ้าเราเลือกได้จะอยากมีชีวิตที่ยืนยาวจริงหรือ? เพราะการที่เรามีชีวิตอยู่แล้วค่อยๆ เห็นคนข้างกาย คนที่รัก ล้มหาย ตายจากไปทีละคนสองคน มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ

การดำเนินเรื่อง

อ่านเรื่องย่อจบแล้ว (หรือใครที่ไปดูมาแล้ว) ก็คงปฏิเสธกันไม่ค่อยได้สินะว่า หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก พล็อตเรื่อง  มันน้ำเน่าจริงๆ แต่ในความน้ำเน่าของมัน

เราคิดว่ามันก็เป็นหนังรักโรแมนติกที่มีความน่ารักและเสน่ห์ของมัน โดยเฉพาะการพยายามจีบสาวของฝ่ายชาย ตลอดจนความพ่อแง่แม่งอนหรือการตามง้อกันและกันของคู่ชายหญิง

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความน้ำเน่าของหนัง เราเชื่อว่าขึ้นชื่อว่าเป็นหนังรัก คนดูส่วนใหญ่ทำใจล่วงหน้ากับความน้ำเน่ากันไว้อยู่แล้ว

แต่ที่ดูขัดหูขัดตาและขัดใจก็เห็นจะเป็นความพยายามยัดเยียดหลักการและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ให้กับคนดู “มากเกินไป” อย่างจงใจ จนคนดูรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกเลคเชอร์อยู่ยังไงยังงั้น

ภาพจากหนัง ‘อดาไลน์ หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก’

ส่วนรายละเอียดเรื่องการปลอมแปลงเอกสารและการบริหารเงินในบัญชีธนาคารนี่ใส่ใจใส่มาด้วย อันนี้เรายังรู้สึกโอเค สมเหตุสมผลที่จะเล่า ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไร

เท่าที่เราจำได้ หนังสลับร่าง หนังคนอมตะ หนังข้ามเวลา หรือหนังแฟนตาซีหลายๆ เรื่อง เขาก็ไม่ได้พยายามใส่หลักการหรือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

มาอธิบายคนดูอยู่ในเนื้อเรื่องขนาดนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนดูไม่เชื่อหรือทำให้หนังสนุกน้อยลงเลย

เอาจริงๆ เวลาดูหนังแนวนี้ คนดูส่วนใหญ่แทบไม่สนใจถึงประเด็นเหนือธรรมชาติเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ คนดูจะเข้าใจของเขาเองว่ามันเป็นหนัง มันเป็นจินตนาการ

ซึ่งพอ หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก ซับไทย เล่นใส่ที่มาและเหตุผลเชิงวิชาการมาเต็มซะขนาดนั้น มันก็ทำให้อรรถรสในการชมของเราขาดตอน และความพิศวงของ Adaline ก็ขาดเสน่ห์ลงไปมากเสียตั้งแต่ต้นเรื่อง

ความรักเหนือกาลเวลา กาลเวลาเหนือความรัก

ถึงแม้ Brad Pitt ใน The Curious Case of Benjamin Button จะไม่ได้เป็นอมตะแบบ Blake Lively ใน The Age of Adaline แต่เราก็คิดตามนะว่า… Adaline

ที่ร่างกายภายนอกยังดูแข็งแรงปึ๋งปั๋งแบบสาว 29 หยกๆ แต่เห็นโลกมาแล้วกว่า 107 ปี เธอจะคิด รู้สึก และมองโลกรอบตัวเธออย่างไร สมองและจิตใจเธอจะหย่อนยานแปนผันตรงกับตามความยาวนานที่เธอดำรงชีวิตอยู่บนโลกหรือเปล่า

Adaline ที่เราเห็นในหนัง เราดูแล้วยังไม่ค่อยรู้สึกเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่บนโลกมาแล้วกว่า 107 ปี หนังไม่ได้ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก

ของมุมมองของสาวแก่แม่ปลาช่อน คือเราอยากเข้าถึงความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีต่อ “โลกที่มีความทรงจำมากเกินไป” ของเธอให้มากกว่านี้ The Age Of Adaline เต็มเรื่อง

Blake Lively, Michiel Huisman

อย่างเรื่องความรัก หรือการตกหลุมรักหนุ่มน้อยวัยยี่สิบตอนปลาย-สามสิบตอนต้นเนี่ย เรายังไม่คล้อยตามเท่าไหร่นะว่า

ผู้หญิงที่อายุปูนนั้น เจอผู้ชายมาขนาดนั้น เขาจะอินกับผู้ชายเด็กๆ อย่าง Ellis ได้จริงๆ หรอ (แต่บางคนก็บอกเรานะว่า ความรักไม่เกี่ยวกับอายุ อืม… เราจะพยายามคิดอย่างนั้นดูละกันนะ)

รีวิวหนัง The Age of Adaline บทสรุป

หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องราวในปัจจุบันสลับกับห้วงคำนึงของอดาไลน์ยามที่เธอเดินผ่านรูปภาพ, สถานที่ หรือห้วงคำนึงยามที่เธอนึกถึงอดีต The Age of Adaline Full movie 4k

อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ตัวนางเอกเลือกที่จะไม่ “ถ่ายรูป” เพราะความทรงจำของเธอนั้นกินเวลายาวนานเกินไป

เกินกว่าจะเก็บความสุขที่เธอรู้ว่าสุดท้ายมันก็จะผ่านพ้นไปและกลายเป็นอดีต เพราะชีวิตเธอมีแต่ “อนาคต” ที่ดูจะไม่จบสิ้นเสียที

อย่างไรก็ตาม ตอนต้นเรื่อง หนังมีความพยายามมากที่จะทำให้คนดูเชื่อเหมือนกันนะว่า Adaline นางเจนโลก นางอยู่มานานแล้วจริงๆ เช่น

การแสดงทักษะในการอ่านคน ทักษะในการสังเกตคน (โดยเฉพาะซีนเปิดตัวซีนแรกนี่นึกว่า Sherlock Holmes มาเอง)

ความสามารถในการพูดได้หลายภาษา ความรู้รอบตัว หรือความสามารถในการใช้ถนนหนทางแต่ละตรอกซอกซอยใน SAN FRANCISCO

แต่สำหรับเราแล้ว ความสามาถทั้งหลายดังกล่าวนั้น มันไม่ได้พิเศษหรือเฉพาะตัวอะไร คนทั่วไปก็สามารถเชี่ยวขนาดนั้นได้โดยไม่ต้องรอตัวเองมีอายุเข้าวัย 3 หลัก

รีวิวหนัง The Age of Adaline

หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องราวในปัจจุบันสลับกับห้วงคำนึงของอดาไลน์ยามที่เธอเดินผ่านรูปภาพ, สถานที่ หรือห้วงคำนึงยามที่เธอนึกถึงอดีต

อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ตัวนางเอกเลือกที่จะไม่ “ถ่ายรูป” เพราะความทรงจำของเธอนั้นกินเวลายาวนานเกินไป

เกินกว่าจะเก็บความสุขที่เธอรู้ว่าสุดท้ายมันก็จะผ่านพ้นไปและกลายเป็นอดีต เพราะชีวิตเธอมีแต่ “อนาคต” ที่ดูจะไม่จบสิ้นเสียที

อย่างไรก็ตาม ตอนต้นเรื่อง หนังมีความพยายามมากที่จะทำให้คนดูเชื่อเหมือนกันนะว่า Adaline นางเจนโลก นางอยู่มานานแล้วจริงๆ เช่น

การแสดงทักษะในการอ่านคน ทักษะในการสังเกตคน (โดยเฉพาะซีนเปิดตัวซีนแรกนี่นึกว่า Sherlock Holmes มาเอง)

ความสามารถในการพูดได้หลายภาษา ความรู้รอบตัว หรือความสามารถในการใช้ถนนหนทางแต่ละตรอกซอกซอยใน SAN FRANCISCO

แต่สำหรับเราแล้ว ความสามาถทั้งหลายดังกล่าวนั้น มันไม่ได้พิเศษหรือเฉพาะตัวอะไร คนทั่วไปก็สามารถเชี่ยวขนาดนั้นได้โดยไม่ต้องรอตัวเองมีอายุเข้าวัย 3 หลัก

ถึงแม้ Adaline จะอายุคงที่มากว่า 78 ปีดีดัก แต่เราจะไม่ได้เห็นคนรอบตัวนางล้มหายตายจากไปเลยสักคน

ซึ่งอาจเป็นเพราะเธอพยายามไม่เอาตัวเองไปผูกพันกับใครมากก็เท่านั้นแหละ (ทั้งนี้ไม่นับสามีของนางที่ตายไปก่อนที่นางจะเป็นอมตะ

และไม่นับพ่อแม่ของนางที่หนังแทบไม่ได้เอ่ยถึง) แต่ตอนแรกก็คิดว่าหนังจะเล่นให้ลูกสาวของนางแก่ตายหรือเป็นโรคตายไปก่อนหน้าจะ

happy ending สักหน่อยนะ แต่ปรากฏสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรกับ Flemming นอกเสียไปจาก happy ending

ทั้งเรื่องก็เห็นจะมีแต่หมาพันธุ์ Cavalier ของ Adaline ที่ตายแล้วตายอีกไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัว (เพราะหมาตัวนึงก็อยู่ได้แค่สิบกว่าปีนี่เนาะ)

แต่อย่างน้อยหนังก็มีความพยายามแล้ว และซีนน้องหมาก็ถือว่าทำได้ไม่เลว เราเองก็อิน แอบน้ำตาคลอตาม เอาเป็นว่าเราให้อภัย

ความรู้สึกหลังชม

อย่างไรก็ตามจุดพลิกผันของเรื่องคือการที่อดาไลน์ได้ค้นพบว่าวิลเลี่ยม โจนส์(แฮริสัน ฟอร์ด) พ่อของเอลลิสนั้น คือคนรักเก่าของเธอในอดีต

เขาเป็นรักที่เธอไม่อาจจะลืมได้ การปกปิดสถานะของเธอเองด้วยการอ้างว่าอดาไลน์นั้นเป็นแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว

ไม่สามารถตบตาเขาได้นานนัก และเมื่อความจริงเปิดเผยออกมาอดาไลน์ก็เลือกทางออกด้วยการ “วิ่งหนี” ความจริงอีกครั้

โปสเตอร์ ‘อดาไลน์ หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก’

หนังเรื่องนี้พยายามนำเสนอว่าการเผชิญหน้ากับความจริงนั้นล้วนแล้วแต่มี “ความเสี่ยง” ทั้งนั้น แน่นอนเธออาจจะไม่ได้สมหวังในความรักแต่อย่างน้อยเธอก็ได้รักคนที่รักเธอ

ข้อแม้อยู่ตรงที่เธออาจจะเจ็บปวดที่ตัวเองไม่สามารถจะแก่เฒ่าไปพร้อมๆกับคู่ครองได้ แต่อย่างน้อยตัวอดาไลน์เองก็ไม่ได้อยู่ลำพัง

แม้บทสรุปของเรื่องจะทำให้คนดูและอดาไลน์สมหวังในทางใดก็ทางหนึ่ง แต่อย่างน้อยมันก็บอกสารัตถะของชีวิตมนุษย์ว่า “เราเกิดมาเพื่อเติบโต เจ็บป่วย แก่ และต้องตายไปตามกาลเวลา” สุดท้ายเราอยากจะขอฝาก รีวิว Call It Love ซีรีส์รักน่าดู 2023