แฟนเดย์ เป็นหนังไทย อีกหนึ่งเรื่อง ที่สำหรับผมนั้น เรียกได้เต็มปากเลยว่า เป็นหนังแนว โรแมนติก-ดราม่า ที่มีคุณภาพมาก ขอสารภาพเลย ว่าแค่ดู Trailer ก็เรียกน้ำตาผมได้ไม่น้อยเลย และส่วนตัวผมเองก็เป็นแฟนหนังค่ายนี้ และยิ่งหนังนี้มาจากค่าย GDH 559 ผลงาน การกำกับของบรรจง ปิสัญธนะกูล นำแสดงโดยเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี และ มิว นิษฐา จิรยั่งยืน

เนื้อเรื่องมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เด่นชัย (เต๋อ ฉันทวิชช์) พนักงานหนุ่มอยู่แผนกไอทีในบริษัทหนึ่ง เขาออกจะเป็นผู้ชายที่จืดชืด และ ดูไร้ตัวตนในสายตาของเพื่อนร่วมงาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของเขา คือ คุณนุ้ย(มิว นิษฐา) พนักงานสาวสวยคนหนึ่งจากแผนกการตลาด เขาคงเริ่มแอบชอบคุณนุ้ย และ เริ่มพัฒนาเป็นแอบรัก เหมือนเป็นแฟนพันธุ์แท้

ตั้งแต่ตอนที่คุณนุ้ยได้เห็นเขามีตัวตนในสายตาเป็นครั้งแรก ดูเหมือนว่านุ้ยนั้นจะไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเลยว่ามีการกระทำแบบนั้น เธอเป็นผู้หญิงอีกคนของ ท้อป(ตุ้ย ธีรภัทร์) หัวหน้าของทั้งสองคน ทั้งที่เธอก็รู้อยู่ว่าท้อปมีภรรยาแล้ว และ ก็ได้แต่เชื่อว่าท้อปจะหย่าขาดจากภรรยาจริง ๆ

หนังไทยออกแนวโรแมนติก-ดราม่า และ ยังเป็นหนังเปิดตัวของค่าย จีดีเอช ห้าห้าเก้า ดำเนินการผลิตจอกว้างฟิล์ม กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกูล นำแสดงโดย ฉันทวิชช์ ธนะเสวี และ นิษฐา จิรยั่งยืน กำหนดออกฉายในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

แฟนเดย์ ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 1 กันยายน 2559 หนังสามารถเปิดตัว สัปดาห์แรกได้อย่างถล่มทลาย ด้วยรายได้ 7 วันแรกกว่า 63 ล้านบาท ก่อนจะปิดโปรแกรมฉายทั่วประเทศกับรายได้มากกว่า 110 ล้านบาท ที่ถือว่าเป็นหนังไทยที่ทำเงินรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ในปีนั้นเลย

อีกทั้งยังหนังกวาดรางวัลจากเวทีต่าง ๆ มา โดยเฉพาะการแสดงของนักแสดงนำทั้ง 2 คน ไม่เพียงเท่านั้น หนังยังถูกซื้อลิขสิทธิ์นำไปรีเมคสร้างเป็นเวอร์ชั่นหนังจีนใน “I Remember” ที่มี ‘หลี่หงฉี’ กับ ‘แองเจล่าเบบี้’ นำแสดง

แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว ที่ทำรายได้ในการฉายวันแรกไปถึง 8.28 ล้านบาท และเมื่อจบสัปดาห์แรก ติดอันดับ 1 ของบอกซ์ออฟฟิสประเทศไทย มีรายได้ 63.66 ล้านบาท เมื่อสิ้นสัปดาห์ที่สอง ยังคงติดอันดับ 1 ของบอกซ์ออฟฟิสประเทศไทย ทำรายได้รวมทั้งสิ้น 95.08 ล้านบาท

จนเมื่อมาถึงสัปดาห์ที่สามนั้น ได้หล่นมาอยู่อันดับ 2 ของบอกซ์ออฟฟิสในไทยเรา รายได้รวมๆแล้วก็ประมาณ 105.35 ล้านบาท และ เมื่อสิ้นสัปดาห์ที่สี่ ตกมาอยู่อันดับ 6 ของบอกซ์ออฟฟิสประเทศไทย ทำรายได้รวม 111 ล้านบาท ถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้เป็นอันดับ 2 ประจำปี 2559 รองจาก หลวงพี่แจ๊ส 4G

เด่นชัย (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พนักงานเนิร์ดๆในบริษัท วัย 30 เขาจะมีตัวตนสำหรับผู้อื่นในออฟฟิศก็ต่อเมื่อมีอปุกรณไอทีเสียหรือชำรุด ในชั่วโมงทำงานที่แสนเร่งรีบไม่มีใครสนใจแม้แต่จะจำชื่อของเด่นชัยจาเขาแอบน้อยใจอยู่บ่อย ๆ

วันหนึ่งที่เขานั้นได้เข้าไปซ่อมเครื่องปริ๊นเตอร์ให้ “นุ้ย” (มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน) มาร์เก็ตติ้งสวาคนนี้ทัง้สวยและใจดีแถมยังจำชื่อเขาได้อีกด้วย และ จริงใจของนุ้ยที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีตัวตนขึ้นมา แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้าเก็บรายละเอียด และ ดูแลเธออยู่ห่าง ๆ เพราะรู้ดีว่าหมาอย่างเขาคงได้แค่แหงนมองเครื่องบิน

วันหนึ่งบริษัทที่เด่นชัยทำงานได้มีการพาพนักงานไปพักผ่อนเอาท์ติ้งยังสกีรีสอร์ทที่ฮอกไกโด เขาได้ขอพรกับระฆังที่ให้พรกับความรักของรีสอร์ทให้เขาได้เป็นแฟนกับนุ้ยแค่วันเดียวก็ยังดี โชคชะตาเล่นตลกเมื่อนุ้ยประสบอุบัติเหตุจากสกีจนหมดสติ พอนุ้ยฟื้นก็กลับมีอาการโรคความจำเสื่อมชั่วคราว ที่เรียกกันว่าโรค TGA ซึ่งเป็นโรคความจำเสื่อมที่จะมีอาการอยู่แค่เพียง 1 วันเท่านั้น

เด่นชัยได้มาคิดดูแล้ว่าว่านี่คงเป็นหนทางเดียวที่เขาจะสนิทกับนุ้ย เขาจึงตัดสินใจที่จะโกหกนุ้ยว่าทั้งคู่ได้เป็นคนรักกัน และ อยู่เที่ยวต่อกันเพียงสองคน เด่นชัยตั้งใจว่าจะพานุ้ยไปเที่ยวในทุก ๆ ที่ ที่เธออยากไปในฮอกไกโด ใช้เวลาสุดพิเศษของเขากับเธอในฐานะแฟน แม้ว่ามันจะเป็นการเป็นแฟนกันเพียงวันเดียวก็ตาม

บทบาทของหนังก็ทำออกมาได้ดีระดับหนึ่ง มีการแสดงออก ถึงความไร้ตัวตน ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับความ loser นั้น และ ความรู้สึกของการเป็น ‘เมียน้อย’ ของนุ้ยที่ดูน่าเกลียดในทีแรก แต่พอได้รู้จักกับเธอนานเข้าจึงเริ่มเข้าใจเหตุผลขึ้นมาบ้าง

อีกสิ่งที่ถือว่าดีมากคือฉากการถ่ายทำที่ทุ่มทุนไปถ่ายทำกันถึงฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ภาพในทุก ๆ ฉากการถ่ายทำนั้นดูสวยงาม และ ชวนหลงใหล การนำเพลงเก่า ๆ มานำเสนอก็เช่นกัน ล้วนแต่เป็นเพลงที่คุ้นหูและ เมื่อได้ยินอีกครั้งจึงติดหูได้ในเวลาไม่นาน

เด่นชัย ถือว่าเป็นตัวแทนของคนสบายๆ พื้นๆ ธรมดา และ ไม่ได้อยู่ในสายตาของใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เด่นชัยมี คือ ความทุ่มเท ที่มากเกินคนปกติ เราจะเห็นได้ตั้งแต่ต้นเรื่องจนกระทั่งจบ ว่าเด่นชัยคือตัวละครที่มีความพยายามมากจริง ๆ และ แม้ว่าการกระทำของเขาจะใกล้เคียงกับการเห่า ‘เครื่องบิน’ แต่ความจริงใจ และ ตรงไปตรงมานั้นคงทำให้เครื่องบินร่อนลงมาจอดข้างเขาได้สักวัน

จริงๆในตอนแรกเลย พี่โต้ง บรรจง ได้เปิดตัวกับหนัง สยองขวัญ แต่ว่าต่อมากลับมาได้ดีกับหนังตลกอย่าง พี่มากพระโขนง กับ กวน มึน โฮ และ ตอนนี้ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว ก็เหมือนจะเป็นการลองเปลี่ยนมาชิมลางหนังรักของพี่แก แต่ก็ยังมีติดตลกนิด ๆ หน่อย ๆ พอเป็นกระสัย

จะพูดตรงๆก็เกรงใจ เราแค่อยากจะบอกว่า สำหรับเรา แฟนเดย์ ถือเป็นผลงานที่ “ดีน้อยที่สุด” ของพี่โต้ง บรรจง และ ยังเป็นการเปิดตัวหนังเรื่องแรกของ gdh ที่ไม่สง่างามอย่างที่คาดหวัง แต่ขอออกตัวก่อนนะว่า เราไม่ได้บอกว่า แฟนเดย์ ไม่ดีหรือห่วยแตก คือมันก็มีทั้งส่วนที่โอเค และ ไม่โอเคตามประสา แค่พอเอาทุกส่วนมาชั่งตวงวัดดูแล้ว เราเจอส่วนที่ “ไม่อิน” มากกว่าส่วนที่ “อิน” ก็เท่านั้น

โดยรวมๆแล้วนั้น แฟนเดย์ (เช่นเดียวกับหนัง GTH ที่แล้วมา) เป็นหนังไทยที่ดีพอสมควร และ น่าสนับสนุนกว่าหนังไทยหลาย ๆ เรื่องอยู่วันยังค่ำ โปรดักชั่นดี ภาพสวย นอกจากนี้ ด้วยบุญบารมีของโต้ง บรรจง, เต๋อ ฉันทวิชช์, และ ทีมงาน ที่สั่งสมมาตั้งแต่ยุคสมัย GTH

จริงๆแล้วหนังก็น่าจะขายได้อยู่แหละ เพราะด้วยเนื้อหาของ “คนแอบรัก”, “มนุษย์ออฟฟิศ”, รวมถึง “ญี่ปุ่น” เป็นองค์ประกอบหลักด้วยแล้ว ยังไงก็โดนใจกลุ่มคนดูกระแสหลักแน่นอน อย่างน้อย ๆ ก็เข้าถึงกลุ่มคนดูได้กว้างกว่า ฟรีแลนซ์ฯ ของ เต๋อ นวพล (ถึงแม้เราจะชอบ ฟรีแลนซ์ฯ ของ เต๋อ นวพล มากกว่าก็ตาม)