รีวิว The Twilight Saga: Breaking Dawn Part 1

เดินทางมาถึงภาคที่ 4 กันแล้วกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Twilight หลังจากบทความก่อนหน้าเราได้รีวิวทไวไลท์ภาคแรก, นิวมูน และอีคลิปส์ ไปแล้วนะคะ ซึ่งภาคนี้ก็สนุกและน่าติดตามไม่แพ้สามภาคก่อนหน้าเลย ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยก็คือในภาคนี้คือได้ บิล กอนดอน (Bill Condon) ที่เคยสร้างผลงานกำกับภาพยนตร์เพลง Dreamgirls มาแล้ว สามารถรับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว The Twilight Saga: Breaking Dawn Part 1

 

และแน่นอนว่าครั้งนี้เขาก็ทำมันออกมาได้ดีสมชื่อค่ะ ซึ่งในหนังสือเนี่ยภาคเบรกกิ้งดอนมีหนึ่งภาค แต่ทีมผู้ผลิตอยากจะแยกเนื้อเรื่องออกเป็นสองภาค เพราะพวกเขาอยากจะแต่งเสริมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปอีกนิด แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สนุกเท่าฉบับหนังสือนะคะเพราะนักเขียนสเตเฟนี่ เมเยอร์ (Stephenie Meyer) ได้มาเป็นหนึ่งในผู้เขียนบทอีกด้วย ดังนั้นเนื้อเรื่องหลักจะยังไม่เปลี่ยนแน่นอน

เนื้อเรื่องในภาคที่ก็จะเป็นการเล่าชีวิตรักของเบลล่าและเอ็ดเวิร์ดเป็นหลัก มีทั้งฉากแต่งงานหวานฉ่ำ ฮันนีมูนสุดร้อนแรง รวมไปถึงข่าวดีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ไม่คาดคิดอีกด้วย และแน่นอนว่าภาคที่ก็ยังมีการสู้รบปรบมืออยู่ และศัตรูก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นฝูงหมาป่าที่เพิ่งจับมือกันถล่มแวมไพร์เกิดใหม่ไปในภาคที่แล้วนั่นเอง

รวมถึงการพยายามเป็นที่ยอมรับของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ทุกคนต่างมองว่าเป็นภัยร้าย ขอบอกเลยว่าภาคนี้สนุกและน่าติดตามไม่แพ้ภาคก่อนหน้าเลยค่ะ เพราะเราจะได้ล่วงรู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาของแวมไพร์เพิ่มขึ้นอีกระดับอย่างที่ไม่คาดฝันมาก่อน…

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ณ บ้านของตระกูลคัลเลน ที่นี่กำลังจะมีพิธีแต่งงานระหว่าง เบลล่า สวอน (คริสเตน สจ๊วต) และ เอ็ดเวิร์ด คัลเลน (โรเบิร์ต แพตตินสัน) ขณะที่พวกเขาทั้งคู่กำลังมีความสุขที่สุดอยู่นั้น ใครบางคนกำลังทุกข์ทรมานเพราะต้องเสียคนที่รักที่สุดในชีวิตไป เจคอบ แบล็ก (เจคอบ แบล็ค) ถึงกับต้องหนีหน้าทุกคนไปยังสถานที่ห่างไกลเพื่อรักษาแผลใจในครั้งนี้

และเมื่อวันสำคัญมาถึง ภายในงานถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์และคลาคล่ำไปด้วยแขกเหรื่อมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญของเจ้าบ่าวเจ้าสาว และรวมถึงเจคอบที่กลับมาดูหน้าเบลล่าเป็นครั้งสุดท้าย เมื่องานแต่งจบลง ฮันนีมูนสุดสวีทบนเกาะห่างไกลก็เริ่มต้นขึ้น ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างคุ้มค่า

และสมการรอคอยจนเนื้อตัวของเบลล่าช้ำไปหมด นั่นทำให้เอ็ดเวิร์ดเสียใจและไม่กล้าแตะต้องตัวเธออีกแต่ฝ่ายเบลล่ากลับเชื้อเชิญสุดชีวิตเช่นกัน สุดท้ายวันหนึ่งเบลล่าก็รับรู้ได้ถึงอาการแปลกประหลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ และทั้งคู่ต้องรีบเดินทางกลับฟอร์คสทันทีทันใดหลังพบว่าเบลล่ากำลังตั้งท้อง

ขณะที่กำลังตั้งท้องอยู่นั้นร่างกายเบลล่าทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มแย่ลง เพราะเขาไม่อยากเก็บเด็กในท้องเอาไว้ รวมถึงครอบครัวคัลเลนเองก็เริ่มแบ่งออกเป็นสองฝ่าย เรื่องถึงหูเจคอบทำให้เขาโกรธจนบุกมาถึงบ้านคัลเลน หลังจากเปลี่ยนใจเบลล่าไม่ได้เจคอบยอมออกจากกลุ่มหมาป่าแลมาดูแลเบลล่าแทน ทำให้ตัวเขาเองก็มีปัญหากับหัวหน้ากลุ่ม

เพราะหมาป่าเองก็ต้องการกำจัดเบลล่าที่จะให้กำเนิดแวมไพร์ ส่วนตัวเบลล่าเองก็ต้องอดทนเพื่อให้ลูกของเธอได้ออกมาลืมตาดูโลก ถึงแม้ร่างกายของเธอจะซูบผอมจนเหลือแค่หนังหุ้มกระดูกก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งเบลล่าต้องทำคลอดกระทันกันแต่ตอนนั้นคัลเลนกำลังออกล่าทำให้เจคอบ

และเอ็ดเวิร์ดต้องช่วยกันทำคลอดเธออย่างสุดความสามารถ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความยากลำบากและเบลล่าเองก็มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่น้อยนิด ขณะเดียวกันฝูงหมาป่าที่ซุ่มดูเหตุการณ์ก็พร้อมโจมตีทุกวินาทีหากรู้ว่ามีแวมไพร์เกิดใหม่ลืมตาดูโลก

และในเสี้ยววินาทีสุดท้ายหลังจากทารกน้อยได้ออกมาลืมตาดูโลกเบลล่าก็แน่นิ่งไปอย่างน่าใจหายทำให้เจคอบทั้งโกรธและเสียใจจนอยากทำลายเด็กทิ้งเพราะเธอคือต้นเหตุแห่งการสูญเสีย แต่สุดท้ายเค้าก็ลงมือทำร้ายเด็กน้อยไม่ลง… เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องไปดูในภาค 4.2 นะคะ

ฉากแต่งงานสุดประทับใจ Twilight ภาคนี้คือค่อนข้างสร้างมาตรฐานงานแต่งงานไว้สูงมาก เพราะบรรยากาศและชุดเจ้าสาวก็สวยราวกับเทพนิยาย เรารับร้องว่าสาว ๆ จะต้องหลงไปกับฉากนี้เหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ซึ่งตอนต้นเรื่องเราจะได้เห็นฉากแต่งงานเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายเอียดที่สวยงามระหว่างเบลล่าและเอ็ดเวิร์ด ซึ่งธีมต่าง ๆ อลิซน้องสาวเอ็ดเวิร์ดจะเป็นคนคิดค่ะ ติดตามการรีวิวได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์

 

รีวิว The Twilight Saga: Breaking Dawn Part 1

 

ใบหน้าของผู้เข้าร่วมงานต่างก็เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี และคนที่มีความสุขที่สุดในฉากนี้ก็คงหนีไม่พ้นคู่บ่าวสาวอย่างเอ็ดเวิร์ดและเบลลานั่นเองค่ะ เรียกว่าเบลล่ารอคอยวันนี้มาทั้งชีวิตเลยทีเดียว

ยิ่งฉากจูบหลังกล่าวคำปฏิญาณนี่ยิ่งเขินจนตัวม้วนอย่างกับได้เป็นเจ้าสาวเอง ส่วนตัวเราคิดว่างานแต่งของทั้งคู่สวยและดูอบอุ่นมาก ๆ เลย ไม่จำเป็นต้องจัดงานใหญ่โตอลังการ แต่มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ มุมหนึ่งของบ้าน เชิญแขกและเพื่อนสนิทมาร่วมแสดงความยินดีในวันสำคัญของเราแค่นั้นก็พอแล้ว เป็นงานแต่งในฝันของเราเลยแหละ

ฮันนีมูนสวีทหวาน ถัดจากงานแต่งก็ต้องไปฮันนีมูนตามธรรมเนียมฝรั่ง และซีนนี้อาจจะเป็นโมเม้นท์ที่หลายคนรอคอย เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่ถึงเกาะ พวกเขาก็สาดความสวีทหวานใส่กันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และพีคสุดคือเบลล่าดูพร้อมมาก ๆ ในทริปนี้ เพราะเธอตั้งใจแล้วว่าวันนี้แหละที่ฉันจะพิชิตแวมไพร์หนุ่มให้ได้ แน่นอนว่าไม่มีผิดหวังเพราะพวกเขาสวีทกันซะบ้านช่องพังยับเยินจนเจ้าของบ้านอ้าปากค้างไปเลย

การแสดงในฉากนี้ก็ค่อนข้างที่จะดูสมจริงและนอกจากฉากแสดงความรักที่ดุเดือดแล้วเราจะได้เห็นอีกมุมของเอ็ดเวิร์ดที่ทั้งห่วงและห่วงเบลล่าสุด ๆ จนยอมอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้เพราะไม่อยากให้เบลล่าเจ็บตัวไปมากกว่านี้

เจคอบคนหล่อสุดเท่ตลอดกาล ภาคนี้คุณเจคอบก็ยังเป็นคนหล่อเท่เหลือเกิน ถึงแม้ว่าเขาจะใจสลายเจ็บเจียนตายกับการ์ดงานแต่งของเบลล่าเขาก็ยังมาร่วมงานในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว

รีวิว The Twilight Saga: Breaking Dawn Part 1

แต่แล้วก็ต้องหนีหายไปอีกครั้งหลังจากมีปากเสียงกับเบลล่า(อีกแล้ว) ถึงจะโกรธและเสียใจแต่เจคอบก็ยังกลับมาเมื่อรู้ว่าเบลล่ามีอาการไม่ปกติและตัดสินใจออกจากฝูงหมาป่าเพื่อมาปกป้องเบลล่า ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าจุดจบของเขาอาจจะไม่ได้สวยงามนัก ซึ่งเป็นนิสัยโดดเด่นของหมาป่าที่เมื่อรักใครแล้วจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนรักให้ปลอดภัยแม้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม ดูฟรีที่ ดูหนังฟรี

 

 

จุดแตกหักระหว่างแวมไพร์และหมาป่า ในภาคก่อนหน้านี้ดูเหมทอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝูงหมาป่าและตระกูลคัลเลนจะดีขึ้นแล้ว แต่หลังจากข่าวการตั้งท้องของเบลล่ารู้ถึงเจคอบก็ทำให้ฝูงหมาป่าพลอยรับรู้ตามไปด้วยเพราะหมาป่านั้นไม่สามารถอ่านความคิดของสมาชิกในฝูงได้

และข่าวดีสำหรับคัลเลนก็กลายเป็นข่าวร้ายสำหรับฝูงหมาป่าควิลยูต เพราะแวมไพร์เด็กนั้นอันตรายมากกว่าแวมไพร์เกิดใหม่มาก และลูกของเบลล่าก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กอมตะที่มีพลังทำลายล้างสูงและไม่สามารถกำจัดได้ และสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ก็เป็นภัยสูงสุดต่อเหล่าหมาป่าทำให้แซมที่เป็นหัวหน้าฝูงต้องจับตาดูครอบครัวคัลเลนทุกฝีก้าวและพร้อมจู่โจมทุกวินาที

ข้อมูลเกี่ยวกับแวมไพร์เด็กที่เป็นเรื่องแปลกใหม่ ในภาคนี้เราจะได้ฟังตำนานต่าง ๆ เกี่ยวกับแวมไพร์เด็ก และเหตุผลที่ว่าทำไมแวมไพร์เด็กถึงได้อันตรายนัก รวมถึงการหาทางออกเพื่อไม่ให้เด็กในท้องของเบลล่าดูดเลือดเธอไปมากกว่านี้  อีกทั้งท้องของเธอก็โตเร็วผิดหูผิดตาจากการตั้งครรภ์ของมนุษย์ทั่วไป

จึงทำให้ทุกคนต้องพยายามประคับประคองร่างกายของเธอให้สามารถอยู่รอดต่อไปจนถึงวันคลอดได้ ซึ่งเราจะเห็นเอฟเฟคที่ทางทีมงานเนรมิตขึ้นมาคือการทำให้ร่างกายของนักแสดงสาวคริสเตน (เบลล่า) ดูซูบผอมเหลือแต่กระดูกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และเราจะได้เห็นฉากที่เบลล่าพยายามดื่มเลือดสด ๆ เพื่อต้องการให้เด็กน้อยที่อยู่ในท้องของเธอได้รับเลือดโดยตรง ดูได้ที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

ฉากทำคลอดลุ้นระทึก ฉากทำคลอดที่เบลล่าฝืนทนเพื่อให้ได้มองหน้าลูกนี่คริสเตนแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำเอาเราลุ้นจนจะคริวแทบจับ โดยเฉพาะตอนผ่าตลอดนี่เรียลสุด ๆ กรีดเป็นกรีด เนื้อเป็นเนื้อ เลือดเป็นเลือด

และยังทำให้เราได้ใจหายใจคว่ำไปตาม ๆ กัน เนื่องจากเธอดูเหมือนจะสิ้นลมหายใจไปทันทีที่ให้กำเนิดลูกน้อย เอ็ดเวิร์ดเองก็แสดงฉากสูญเสียคนรักได้ดีมากเช่นกัน ซึ่งตัวเรื่องก็ตัดจบไว้ที่ตรงเบลล่าไม่หายใจแล้ว ทำให้เหล่าแฟน ๆ ต่างคาดการณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าสรุปแล้วเนื้อเรื่องจะดำเนินไปยังทิศทางไหนต่อไป

และกระแสตอบรับของทไวไลท์ในภาคนี้ก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดีอยู่ค่ะเพราะหลังจากเปิดตัวได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ The Twilight Saga: Breaking Dawn – Part 1 ก็ติดหนึ่งในสิบอันดับภาพยนตร์ทำรายได้ช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดตัวสูงสุดตลอดกาล

ซึ่งภาคนี้ก็สามารถทำเงินได้ถึง 712.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากทุนสร้าง 110 ล้านดอลลาร์ค่ะ นี่คือรายได้เฉพาะตั๋วภาพยนตร์ ยังไม่รวมรายได้จากการขายของที่ระลึกเลยนะคะเนี่ย แปลว่าแฟน ๆ มากมายยังรักและศรัทธาในความรักของทั้งคู่อยู่ไม่ใช่น้อยเลยนะคะ

นอกจากทไวไลท์แล้วเรายังมีบทความแนะนำหนังฝรั่งสนุก ๆ อีกหลายเรื่องเลยค่ะ เพื่อน ๆ สามารถดูต่อได้ที่ แนะนำ ซีรีย์ฝรั่ง หนังฝรั่ง แนวแฟนตาซี (Sci-Fi) ที่คุณไม่ควรพลาดในปี 2020 หรือ แนะนำ ซีรีย์จากอังกฤษ UK สไตล์บริติช ปี 2020 เรื่องไหนน่าดู ส่วนบทความหน้าก็จะเป็นบทสรุปเรื่องราวความรักเหนือมนุษย์ของเบลล่าแล้วนะคะ ตอนนี้ต้องขอตัวก่อน สวัสดีค่ะ

ความรู้สึกหลังดู

ผมว่าอยู่ให้ได้ 15 นาทีแรกแล้วกลับมาอีก 20 นาทีสุดท้าย เพื่อที่คุณจะได้ข้ามเรื่องไร้สาระระหว่างนั้นได้ น่าแปลกที่พวกมนุษย์หมาป่าได้พลิกผันอย่างเลวร้ายในแฟรนไชส์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าละอายที่ร้องไห้เพราะการปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องอื่นอีกสองเรื่องนั้นสดชื่น สามารถดูได้ที่ รีวิวหนังรัก

 

 

และเบาสบาย ในฉากที่แย่ที่สุดฉากหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดเผชิญหน้ากันผ่านกระแสจิตซึ่งยากต่อการรับชมเพราะการแสดงเสียงไม่ปกติ ฉากแต่งงานนั้นไร้ค่าและฉากเกิดก็ฉีกออกจากหน้านรก พิซซ่า

ให้ฉันเริ่มด้วยการบอกว่าฉันจะอ้างว่าภาพยนตร์เหล่านี้อยู่ในหมวดภาพยนตร์ที่ดีที่สุดหากพวกเขาเพียงแค่เปลี่ยนแนวจาก “ดราม่า โรแมนติก สยองขวัญ” เป็น “ตลก” นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องทำอย่างจริงจังเพราะบทสนทนาอันน่าสยดสยองกลับมา เรื่องราวที่น่ากลัว และตัวละครที่น่ากลัวกลับมาแล้ว คุณคงรู้ว่าเรื่องตลกคือ เรื่องราวมีศักยภาพสูงที่จะเป็นเรื่องราวสยองขวัญที่ยิ่งใหญ่

โดยมีบทละครเชิงลึกและตัวละครที่มีมิติที่ขัดแย้งกันอย่างทรงพลัง แวมไพร์มีเพศสัมพันธ์กับมนุษย์ที่ทำให้เธอท้องกับลูกที่น่าจะฆ่าเธอได้มากที่สุด แต่เธอไม่ต้องการปล่อยลูกไปง่ายๆ แต่นี่คือทไวไลท์ ที่เบลล่า สวอนชอบเล่นเด็กผู้ชายไปมาเหมือนลูกพินปอนและพวกผู้ชายก็งี่เง่า

คู่บ่าวสาวคู่ใหม่ เบลล่า สวอน และเอ็ดเวิร์ด คัลเลน ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขณะที่พวกเขาถูกลักพาตัวไปยังเกาะส่วนตัวที่พวกเขาร่วมรักเป็นครั้งแรก แต่ทุกอย่างต้องสั้นลงเมื่อการทรยศและความโชคร้ายหลายครั้งคุกคามที่จะทำลายโลกของพวกเขา ในไม่ช้าเบลล่าก็พบว่าเธอท้อง และในระหว่างการคลอดบุตรที่เกือบจะเสียชีวิต เอ็ดเวิร์ดก็บรรลุความปรารถนาที่จะเป็นอมตะในที่สุด

แต่การมาถึงของ Renesmee ลูกสาวคนสำคัญของพวกเขา ทำให้เกิดเหตุการณ์อันตรายต่อเนื่องที่ Cullens และพันธมิตรของพวกเขาต้องต่อสู้กับ Volturi สภาผู้นำแวมไพร์ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เต็มรูปแบบ ในตอนท้ายของหนัง เบลล่ากับลูกของเธอถูกตัดออกจากเธอและฉีดพิษแวมไพร์ ในที่สุดก็ฟื้นจากโคม่า แต่เธอจะกลายเป็นแวมไพร์ทันเวลาที่จะเลี้ยงลูกแวมไพร์ CGI ตัวน้อยน่ารักหรือไม่? ต้องรออีกปีถึงจะรู้

ฉันสาบานด้วยชีวิตของฉัน เบลล่า สวอนจะทำให้ตัวร้ายของเช็คสเปียร์เป็นวายร้ายที่ไหนสักแห่ง นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เห็นแก่ตัว บิดเบือน และชอบธรรมในตนเองมากที่สุด (คุณคงรู้จักคำ B ที่ฉันไม่สามารถพูดได้ใน IMDb) เท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของหนังสือหรือภาพยนตร์ ในที่สุดเธอก็ได้ความปรารถนาของเธอ เธอแต่งงานกับเอ็ดเวิร์ดด้วยรูปลักษณ์ที่ “กระตือรือร้น” แบบเดียวกับที่เธอมักมีด้วยรอยยิ้มที่อ้าปากค้างด้วยฟันกระต่าย ดูได้ที่ เว็บดูหนัง

 

 

แต่เธอก็ยังเจ้าชู้กับเจค็อบ บางครั้งต่อหน้าสามีของเธอ! เธอทำทุกการตัดสินใจที่ไม่ดีกับผู้ชาย แต่เธอยังคงเดินตามเส้นทางเดิมที่เธออยากจะเป็นมนุษย์อีกสักสองสามคืน เพราะเธอไม่อยากทำร้ายเธอตอนฮันนีมูน อืม เธอเคยขอเป็นแวมไพร์ และเลือกเอ็ดเวิร์ดทุกโอกาสที่คุณได้รับ และเมื่อบอกว่าเขาสามารถฆ่าคุณได้ เธอก็แบบ “ใช่ มันเจ๋งมาก” เขาทำร้ายเธอด้วยรอยฟกช้ำ

และเธอก็เหมือนกับภรรยาที่ถูกทารุณกรรม “ไม่ ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเขารักฉัน” จากนั้นเธอก็ตั้งครรภ์ และทุกคนก็ขอให้เธอกำจัดทารกเพราะมันจะฆ่าเธอ เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่โง่เขลาและการแสดงออกของเสียงเดียว “มันเป็นปาฏิหาริย์”

โอ้ พระเจ้า นี่ควรจะเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายสองคนนี้ทะเลาะกันได้ยังไง? น่าเบื่อ สยอง ไม่สวย ไม่มีความสามารถพิเศษ โลกนี้มันผิดอะไรที่พวกเขาคิดว่าเธอคู่ควรกับการต่อสู้! เหล่าอมตะเหล่านี้กำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อเด็กผู้หญิงคนนี้ซึ่งเป็นตัวละครที่หยาบคายที่สุดเท่าที่คุณเคยเห็นมา

เจคอบเข้ามาในบ้านของเอ็ดเวิร์ด ดูหมิ่นเขา และกอดเบลล่า เอ็ดเวิร์ดก็เข้ากับมันได้ เกือบจะให้กำลังใจ Taylor Lautner ฉันให้เครดิตเขาเล็กน้อยเพราะในฉากป่วยฉากหนึ่งที่ Bella บอกว่าเธอจะตั้งชื่อลูกว่าถ้าเป็นเด็กผู้ชาย “Edward Jacob” และเขาก็ดูน่ารังเกียจที่ฉันเหมือนกัน ในที่สุดก็มีคนเกือบยืนขึ้นให้เบลล่า! ฉันไม่ได้บ้า!

พวกเขาใช้เพลงเต็มระหว่างภาพยนตร์ที่สุ่มและไม่อยู่ในที่ที่รู้สึกอึดอัด เรื่องนี้มีความยาว 30 นาที เป็นหนังยาว 2 ชั่วโมงที่ไม่น่าสนใจและเป็นคอเมดี้ที่ไม่ตั้งใจ บิลลี่ เบิร์กเป็นนักแสดงเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนจะใส่อารมณ์ใดๆ ให้กับบทบาทของเขา และฉันคิดว่าเขาแค่เล่นเหมือนกับว่าเขากำลังแสดงออกในชีวิตจริงว่าเขาแค่เบื่อกับแฟรนไชส์นี้

ฉันให้เครดิตภาพยนตร์ที่ทำให้ฉันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ฉันต้องการเสียงหัวเราะที่ดีและ Breaking Dawn ก็มอบสิ่งนั้นให้ฉันอย่างแน่นอน ไม่ว่าพวกเขาจะได้ผู้กำกับคนไหน ซีรีส์นี้ถึงวาระและเชื่อง พวกเขากำลังรีดนมมันทุกเพนนีโดยแบ่งหนังสือที่เขียนโดยเด็กอายุ 5 ขวบออกเป็นภาพยนตร์ 2 ส่วนที่วาดออกมา

โดยไม่มีช่วงเวลาที่น่าสงสัยหรือน่าสนใจ ฉันไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิง (แต่ฉันเป็นผู้หญิง) ถึงชอบแฟรนไชส์นี้ เป็นการดูถูกและสยดสยองอย่างยิ่ง ฉันต้องตัดความคิดเห็นออก แต่เชื่อฉันเถอะ ฉันสามารถพูดต่อว่าหนังเรื่องนี้แย่แค่ไหน แต่เราจะสรุปโดยพูดว่า: ข้ามเลย หากชื่นชอบการรีวิวสามารถติดตามได้ที่ เว็บดูหนัง