รีวิว Hi Bye Mama

แนะนำซีรีย์รัก แนวอบอุ่นของครอบครัว ซึ่งเกือบสัปดาห์แล้วที่ Hi Bye, Mama! จบแล้วแต่ยังสัมผัสได้ถึงเรื่องราวของละคร ฉันค่อนข้างกลัวที่จะเขียนรีวิวนี้เพราะฉันอาจไม่ให้ความยุติธรรมกับละครที่สวยงามเช่นนี้ สิ่งหนึ่งที่แน่นอน: ฉันสามารถเขียนรีวิวนี้ได้หากฉันทุ่มเทอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับตัวละครทั้งหมดในละครเรื่องนี้ สามารถรับชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Hi Bye Mama

 

และจะมีอะไรเศร้าไปกว่าการที่ใครสักคนที่เรารักมากจากเราไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะจบไปอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังฝากความประทับใจที่อบอวลไปด้วยความสุข ความเศร้า รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

และคราบน้ำตาให้คนใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้าไปดูได้อยู่เสมอ ‘Hi bye mama’ ซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีที่เล่าเรื่องราวออกมาได้อย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งกินใจเรื่องนี้ จะทำให้เราหวนนึกถึงความพิเศษของช่วงเวลาปัจจุบัน ที่ใครหลายคนอาจหลงลืมมันไป และอยากจะใช้มันอย่างรู้คุณค่าที่สุดอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องเสียดายอะไรอีก…

ในส่วนของเรื่องราวของ ‘ชายูริ’ (รับบทโดย คิมแทฮี) หญิงสาวท้องแก่ที่เสียชีวิตไปแล้วกลายเป็นวิญญาณ แต่ทว่าความรักและความคิดถึงลูก ทำให้เธอไม่สามารถจากโลกไปและคอยวนเวียนอยู่เคียงข้างลูกสาว ‘โจซออู’ (รับบทโดย ซออูจิน) มาตลอด 5 ปี แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าการวนเวียนอยู่ข้าง ๆ จะทำให้ลูกของเธอจิตอ่อน และเริ่มที่จะมองเห็นวิญญาณ

จนกระทั่งเธอได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งเป็นเวลา 49 วัน โดยมีเงื่อนไขว่า หากเธอสามารถกลับไปอยู่จุดเดิม ก่อนที่เธอจะตายจากมาได้ เธอจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง และมันคงจะเป็นเรื่องที่น่าดีใจสุด ๆ

ถ้านั่นไม่ได้หมายความว่าเธอต้องเข้าไปแทรกกลางระหว่าง ‘โจคังฮวา’ (รับบทโดย อีคยูฮยอง) สามีเก่าของเธอที่กำลังพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ ‘โอมินจอง’ (รับบทโดย โกโบกยอล) หญิงสาวที่ก้าวเข้ามาเป็นแสงสว่างในชีวิตให้กับเขาอีกครั้งในฐานะภรรยาและออมม่าของลูกสาวที่เธอรักที่สุด

แต่ขอยอมรับแต่โดยดีว่าไม่ได้ใส่ใจจะดูซีรีส์เรื่องนี้สักเท่าไหร่ในตอนแรก อาจเป็นเพราะหน้าหนังที่มันดูเป็นหนังครอบครัวอบอุ่น(?) แบบที่ทางเราเองก็ไม่ค่อยจะสันทัดเท่าไหร่นัก แต่พอได้ตั้งใจทำความรู้จักซีรีส์เรื่องนี้แบบจริงจัง ก็เริ่มค้นพบว่า “สนุกว่ะ!” คือมันสนุกตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้ดูไปลุ้นไปว่า “ถ้าได้เจอคนที่ตายไปแล้วอีกครั้ง

แต่ละคนจะมีรีแอ็กชันกันยังไงกันนะ?” สามีที่แต่งงานใหม่และกำลังจะมูฟออน เพื่อนสนิทที่อาจไม่สนิทกับเราอีกแล้ว ลูกที่ไม่รู้จักเราแถมยังรักแม่เลี้ยงมากกว่าสิ่งใดในโลก การกลับมาที่ดูจะผิดที่ผิดทางเหมือนจะเป็นบทลงโทษมากกว่าของขวัญเสียด้วยซ้ำ เราจึงจะได้เห็นมุมมองต่อการกลับมาของชายูริที่หลากหลายผ่านสายตาของแต่ละตัวละคร

แม้จะเคยดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับโลกหลังความตายมาแล้วหลายเรื่อง แต่การให้ตัวละครที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตแบบปกติธรรมดานี่แหละที่ทำให้เรามองเห็นแง่มุมการใช้ชีวิตได้อย่างลึกซึ้งและเข้าถึงเรื่องราวของตัวละครได้อย่างง่ายดาย แค่ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเรามีเวลาเหลืออีกแค่เพียง 49 วัน เราจะใช้มันยังไงให้คุ้มค่าที่สุด ก่อนจะจากไปตลอดกาล… ติดตามการรีวิวได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์

 

รีวิว Hi Bye Mama

 

และโลกหลังความตายที่เราสามารถเลือกได้ว่า จะไปเกิดใหม่ หรือเป็นวิญญาณอยู่ข้าง ๆ คนที่เรารักนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาเรามักจะได้เห็นบาดแผลและการเยียวยาของคนเป็นที่ต้องเผชิญความเจ็บปวดอย่างท่วมท้น แต่คราวนี้เราจะได้เห็นอีกมุมมองของคนตายไปแล้วที่ยังมีห่วง และสิ่งที่ทำให้พวกเขาไปสู่สุคติไม่ได้

ซึ่งเรื่องราวของของชายูริก็ได้สื่อสารออกมาถึงสัจธรรมของการจากลา ที่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ คนเราวันหนึ่งก็ต้องจากไป และเมื่อเวลานั้นมาถึง การยอมรับและเผชิญหน้ากับความเป็นจริงนี่แหละที่จะทำให้เราก้าวเดินต่อไปได้ แม้ว่าการจากลาจะทำให้รู้สึกราวกับว่าโลกถล่มทลาย

แต่เมื่อคนที่เรารักจากไปย่อมทิ้งตัวตนไว้ในเศษเสี้ยวความทรงจำและชีวิตเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ และเมื่อเราได้ระลึกถึงสิ่งเหล่านั้น เราก็จะมองเห็นความงดงามของการจากลาได้ในที่สุด เหมือนประโยคหนึ่งในเรื่องที่กล่าวว่า “กลีบดอกร่วงหล่น แต่ดอกไม้ยืนยง ส่วนกลิ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกนี้ ฝังลึกลงไปในความทรงจำของเรา…”

เพราะตีมหลักของซีรีส์เรื่องนี้ให้เน้นความสำคัญไปที่ความรักของแม่และลูก แน่นอนว่าเราจะได้เห็นถึงความรักของชายูรีที่มีต่อลูกน้อยของเธอ แต่ขณะเดียวกันเราก็ยังได้เห็นความรักที่แม่ของชายูรีมีต่อเธอในฐานะลูกสาวเช่นเดียวกัน

ซึ่งแม่ที่ต้องสูญเสียลูกไปก่อนเวลาอันควร โดยที่ไม่มีโอกาสได้บอกลา เธอต้องใช้พลังใจแค่ไหนในการก้าวผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ไปได้? และการที่ชายูริกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจว่า แท้จริงแล้วความรักของคนเป็นแม่นั้น ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปมากกว่าการอยากเห็นลูกมีความสุขเพียงเท่านั้น

รีวิว Hi Bye Mama

นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นความรัก ความสัมพันธ์ และมิตรภาพในอีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อน คนรัก คนรู้จัก รวมไปถึงความสัมพันธ์ของเหล่าผี ๆ ที่ยิ่งทำให้เรารู้สึกอบอุ่น อิ่มเอมไปทั้งหัวใจ จนต้องดูไปยิ้มไป แต่ละตัวละครก็จะมีเรื่องราวของตัวเอง ที่ดูแล้วอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้าง ดูฟรีที่ ดูหนังฟรี

 

 

และประเด็นที่เราชอบมากเป็นพิเศษอีกอย่างคือ บทใส่ความแข็งแกร่งลงไปในตัวละครผู้หญิงเรื่องนี้ค่อนข้างมาก อย่างตัวชายูริเองนั้น ก็ไม่ได้ต้องการจะกลับมาในฐานะภรรยา หรือจะมาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของโจคังฮวาเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่อยากกลับมาอยู่ข้าง ๆ ลูกน้อยเท่านั้น

รวมถึงความสัมพันธ์ของชายูริกับโอมินจองในฐานะแม่แท้ ๆ กับแม่เลี้ยง (ที่ไม่ได้ใจร้ายเหมือนในนิทาน)  ก็มักจะแสดงออกมาให้เราเห็นว่าพวกเธอทั้งคู่ต่างชื่นชมและหวังดีต่อกันและกันมากกว่าจะคิดร้ายต่อกันเสียอีก รวมถึงอีกหนึ่งสมาชิกในแก๊งค์อย่างรุ่นพี่ ‘โกฮยอนจอง’ ที่เป็นการรวมตัวกันสามคนแบบงง ๆ แต่ทำให้เราซาบซึ้งใจในมิตรภาพของคำว่าเพื่อนได้อย่างแท้จริงเลยล่ะ

แม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างดราม่าหนักหน่วง แต่คนเขียนบทก็เลือกที่จะใส่ความโรแมนติกและคอมเมดี้ ผ่านความเป็นธรรมชาติของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างจริงใจ ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างฟีลกู๊ด ดูแล้วไม่เครียดมากจนเกินไป (แต่ก็เสียน้ำตาหนักอยู่เด้อออ) นอกจากนี้ยังมีบทสรุปของแต่ละตอนที่ให้แง่คิด

และทำให้เราตกตะกอนความรู้สึกบางอย่างออกมาได้อย่างเข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับเรื่องราวของพวกเขาได้ดีทีเดียว รวมถึงการเล่าเรื่องแบบ Flashback กลับไปเป็นระยะในช่วงเวลาของโจคังฮวากับชายูริเมื่อ 5 ปีก่อน ก็ดึงดราม่าสะเทือนอารมณ์ให้เราน้ำตาแตกได้ทุกอีพี นับเป็นเสน่ห์อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เปรียบเหมือนอาหารจานพิเศษที่ปรุงรสมาได้อย่างกลมกล่อม ดูแล้วสุข ซึ้ง เศร้า กินใจตั้งแต่ต้นเรื่องลากยาวไปจนกระทั่งตอนจบเลยทีเดียว

นอกจากบทจะละเมียดละไมเก็บทุกดีเทลได้อย่างน่าประทับใจแล้ว อีกหนึ่งจุดที่เด่นมาก ๆ ไม่แพ้กันคือ ‘การแสดง’ ของนักแสดงทุกคนที่เข้าถึงบทบาท สามารถถ่ายทอดอารมณ์และข้อความที่ผู้กำกับต้องการสื่อออกมาได้อย่างลึกซึ้ง ในซีนปะทะอารมณ์กันก็ส่งต่อความรวดร้าวมาถึงคนดูและทำให้เราหลอมรวมความรู้สึกไปกับตัวละครได้เป็นอย่างดี นับเป็นการคัมแบ็คในรอบ 5 ปีของ ‘คิมแทฮี’ ที่คุ้มค่าสมการรอคอยจริง ๆ ทำได้ดีมาก ๆ ดูได้ที่ ดูหนังออนไลน์

 

 

ทั้งในบทบาทของแม่และลูก ส่วนพระเอกของเราอย่าง ‘อีคยูฮยอง’ ก็รักษามาตรฐานการแสดงของตัวเองได้ดี๊ดีไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย สีหน้าและแววตาที่สิ้นหวังของเค้ามันกัดกร่อนไปถึงหัวใจเราจริง ๆ แต่เวลาถึงซีนต๊อง ๆ ก็แสดงออกมาได้น่ารักสุด ๆ ‘โกโบบยอล’ ตัวละครที่เราไม่ได้คาดหวัง แต่ดูแล้วหลงรักสุดหัวใจ เป็นนักแสดงที่เก็บรายละเอียดอารมณ์ของตัวละครได้ดีมาก

และยังไม่รวมถึงนักแสดงระดับฝีมืออย่าง ‘คิมมีคยอง’ ที่เรามักจะเห็นเธอในบทบาทคุณแม่ที่แสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจอยู่เสมอ และหนุ่มน้อย ‘ซออูจิน’ ในบทบาทลูกสาวตัวน้อยของแม่ ๆ ก็แสดงบทบาทใสซื่อออกมาได้อย่างน่ารักและเป็นธรรมชาติสุด ๆ (แค่นั่งทำตาแป๋ว ๆ ป้าคนนี้ก็ใจละลายแล้วจ้า) นอกจากนักแสดงหลักแล้วนักแสดงคนอื่น ๆ ในเรื่องก็รับผิดชอบบทบาทของตัวเองได้ดีและแสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจไม่แพ้กันเลยล่ะ

ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พูดได้เลยว่า ถ้าไม่ได้กดเข้าไปดูเราคงพลาดซีรีส์ที่ดีที่สุดในชีวิตไปเรื่องหนึ่งเลยล่ะ สุดท้ายนี้เราขอทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคหนึ่งจากซีรีส์ Hi bye mama ที่ทำให้เราได้ฉุกคิดทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านมา

และอยากจะใช้วันเวลาที่มีอยู่ ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อย่างดีที่สุด “เมื่อขึ้นสวรรค์ไปพระเจ้าจะถามคำถามสองข้อ ถ้าตอบใช่ทั้งสองคำถาม ชาติหน้าก็จะได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์ คำถามหนึ่งก็คือ มีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมาไหม? และอีกคำถามก็คือ คนอื่นมีความสุขเพราะเราด้วยหรือเปล่า?”

ความรู้สึกหลังดู

ซึ่งฉันจะเริ่มด้วยการบอกว่าฉันไม่ใช่คนที่ต้องร้องไห้ขณะดูภาพยนตร์หรือรายการทีวี และถ้าฉันร้องไห้ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่น้ำตาเล็กน้อย “สวัสดีครับคุณแม่!” ทำให้ฉันร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน้อยหนึ่งครั้งตอน สามารถดูได้ที่ รีวิวหนังรัก

 

และ“สวัสดีครับคุณแม่!” เรื่องราวเกี่ยวกับหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุและคนที่รักของเธอ และวิธีที่เธอใช้เวลาห้าปีที่ผ่านมาในฐานะผีเฝ้ามอง สามีของเธอต้องรับมือกับความเศร้าโศกที่ทำให้จิตใจชาจนชาและแต่งงานใหม่ได้ในที่สุด กระทั่งคืนหนึ่งที่เธอฟื้นคืนชีพขึ้นมาทันใด

ฉันคิดว่าสิ่งที่ทำให้รายการนี้มีอิทธิพลต่อฉันมากคือการแสดง แม้จะไม่ค่อยเข้าใจภาษาเกาหลี แต่อารมณ์ที่ดิบและทรงพลังที่นักแสดงแสดงนั้นโดดเด่นและโดยไม่รู้ภาษา อารมณ์ที่แสดงออกมาเป็นจุดสนใจหลักสำหรับฉัน แทนที่จะเป็นสิ่งที่กำลังพูด

การแสดงยังมีช่วงเวลาที่สดใสมากขึ้นด้วยความสุข เสียงหัวเราะ และผู้คนที่รู้สึกสบายใจ แต่สำหรับฉัน สิ่งที่ทำให้รายการนี้โดดเด่นคือการแสดงภาพที่ยิ่งใหญ่ของการสูญเสียและการเผชิญปัญหา และความสิ้นหวังที่มาพร้อมกับการแสดง เรื่องรองบางเรื่องบางครั้งรู้สึกเร่งรีบและพวกเขาสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เนื่องจากบางครั้งฉันรู้สึกในตอนท้ายว่าการแสดงช้าลงเล็กน้อย ในที่สุดก็มีตอนจบที่เหมาะสมและเขียนได้ดีซึ่งทำให้ผู้ชมและตัวละครปิดตัวลง

โดยรวมแล้ว นี่เป็นหนึ่งในรายการทีวีที่ฉันโปรดปรานที่สุดที่ฉันเคยดูมา และฉันบอกว่าแม้จะไม่ใช่ผู้ดูละครเกาหลีตัวยงก็ตาม ฉันกำลังเขียนรีวิวนี้ 24 ชั่วโมงหลังจากจบการแสดง และฉันยังรู้สึกสั่นเล็กน้อยถึงผลกระทบที่มีต่อฉันและความจริงที่ว่าบางฉากยังทำให้ฉันน้ำตาไหลเมื่อคิดถึงพวกเขา

ซึ่ง“สวัสดีครับคุณแม่!” เต็มไปด้วยข้อความซึ้งๆ ซึ้งๆ เกี่ยวกับครอบครัว มิตรภาพ และความรัก และผมขอแนะนำให้ทุกคนได้ดู อย่าลืมเตรียมกล่องทิชชู่ไว้ให้พร้อม การแสดงนี้ฉันจะแนบชิดหัวใจไปนานๆ อย่างแน่นอน

และ 16 ตอนที่ 16 ที่อาจถูกตัดให้เหลือ 10 ตอนที่เป็นไปได้! ฉันไม่เคยเห็นการแสดงมาก่อนฉากการเลือกตั้งครั้งนั้นมากมาย และทำสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า! นั่นทำให้การแสดงรู้สึกเหมือนกำลังลุยโคลน และบอกตามตรงว่าผมข้ามผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว! นั่นคือปัญหาแรก แต่ใหญ่แค่ไหนก็น่าเสียดาย! ปัญหาที่เลวร้ายที่สุดคือโครงเรื่อง! มันเริ่มต้นด้วยเรื่องสบายๆ บางครั้งก็ตลก

แล้วก็ประมาณห้าตอน ทุกอย่างก็ดูไม่ออก! มันหนักหน่วง เศร้า ซึ้ง และพวกเขาก็เริ่มโยนสิ่งต่าง ๆ เข้าไปในเนื้อเรื่องที่ไม่จบลงด้วยอะไร ทำให้มีสามัญสำนึก และตัวละครที่สำคัญก็ปรากฏขึ้นและหายไป! ตัวอย่างเช่น หมอผีบอกเธอว่าถ้าเธอต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ เธอต้องเอาชีวิตของเธอกลับคืนมา ลูกสาว สามี เธอรู้ได้ยังไง? ทันใดนั้น เธอบอกเธอว่าถ้าทำอย่างนั้น ลูกสาวของเธอก็จะได้เห็นผีไปตลอดชีวิต

และหมอผีคนนี้ที่ถือไม้บูมบูมจะพาเธอไปฝึกเธอเป็นหมอผี แล้วชาเมนจะแย่ตรงไหน? แต่แล้วหมอผีก็หายวับไปจากภาพ ไม่เคยเห็นอีกเลย! แล้วจะบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น? ลูกสาวเลิกเห็นผี… แบบนั้นมันไม่สมเหตุสมผลเลย และมันก็ทำให้เรื่องทั้งหมดตกต่ำมากขึ้น! ดังนั้นหากคุณกำลังมองหา K-Drama ผีอารมณ์ดี นี่ไม่ใช่!

นี่เป็นละครที่ดี ฉันไม่ได้ให้คะแนนสูงกว่านี้ เพราะมันทำให้ฉันเศร้าเกินไป ไม่ใช่เรื่อง “เศร้า” ในการระบายเหมือนในละครเชคสเปียร์ที่ตอบสนองอย่างใด การแสดงนี้นำมาซึ่งความโศกเศร้าที่ว่างเปล่า

ในแง่บวก ตัวละครทั้งหมดซับซ้อนและยังคงมีความน่าสนใจ ฉันชอบจี้ของซอบิงโกและชินซุนเอจากเรื่อง Oh My Ghost (นั่นอาจเป็นเพราะ OMG เป็นหนึ่งใน Romcoms ที่ฉันโปรดปรานที่สุดที่เคยสร้างมา) ดูได้ที่ เว็บดูหนัง

 

ละครเรื่องนี้กล่าวถึงหัวข้อที่หนักแน่น (ความตาย ความสูญเสีย ความเสียใจ ความรู้สึกผิด) และทำได้ดี Yu-ri แสดงความรอบคอบและความสง่างาม ,,, และ MOXIE ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนที่สาวๆ มารวมตัวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาสวมแว่นกันแดดแห่งความหายนะ

ซึ่งมีข้อบกพร่องบางอย่างเช่นกัน บางสิ่งที่เกิดขึ้นไม่คาดคิด แต่ผลสุดท้ายก็เร่งไปตามถนนและมาถึงตามที่คาดการณ์ไว้ มีความละเอียดต่ำ เราได้รับการปฏิบัติต่อช่วงเวลาสุดท้ายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แต่มันสั้นเกินไปและไม่ชัดเจน เราไม่เห็นการรักษาใด ๆ มากนัก ไม่ใช่เครื่องดื่มทั้งหมดที่เทลงไป หมายความว่าตัวละครหลายตัวดูเหมือนจะได้รับเรื่องราวมากขึ้น แต่พวกเขาก็ละลายหายไป กฎของ “เกม” ไม่ได้กำหนดไว้ ดังนั้นแม้ว่าเหตุผลที่ยูริกลับมาจะได้รับการยืนยัน แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงปัญหาใดๆ

นอกจากนี้ เหตุผลที่แท้จริงที่ Yu-ri ปรากฏตัวอีกครั้งในเนื้อหนังคือจุดอ่อนของโครงเรื่อง หากวิธีนี้ใช้ได้ผล เราก็ไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลงานศพหรือสุสาน แทบไม่มีใครตายเลย แม้จะดูน่ารักแต่ก็เล่นได้ไม่ดีในรายการนี้

ความพยายามของพวกเขาในการวิเคราะห์วัฏจักรของแม่/ลูกสาวนั้นน่านับถือ ดูเหมือนว่าการโฟกัสแบบกระจายของรายการจะเปลี่ยนเส้นทางผู้ชมจากการผ่าตัดสำรวจที่จะให้การวิเคราะห์เชิงลึกของความจริง ไปที่: “ใช้ยาแอสไพรินและพักผ่อนบ้าง ทุกอย่างจะผ่านไป” สรุป นี่ไม่ใช่ละครอารมณ์ดี อย่ามองหาสิ่งนั้น มันไม่ได้ช่วยฉันประมวลผลการสูญเสียล่าสุดของฉันเอง อย่ามองหาสิ่งนั้น หากชื่นชอบการรีวิวสามารถติดตามได้ที่ เว็บดูหนัง